การนอนถือว่าเป็นกิจวัตรที่ใช้เวลา 1 ใน 3 ของชีวิตเราเลยทีเดียวฉะนั้นหากเราไม่ใส่ใจถึงวิธีการนอนที่ถูกสุขลักษณะแล้ว อาจจะมีผลต่อระบบหลายๆระบบในร่างกายของเรา โรคต่างๆก็ตามมา คุณภาพชีวิตก็อาจจะไม่ดีตามมาด้วย
ในชีวิตของคนเรา ตัวเลข 30,000 คือจำนวนวันโดยเฉลี่ยที่เรามีชีวิตอยู่บโลกนี้ 10,000 คือจำนวนวันที่เราใช้ไปกับการนอนหลับ เพราะฉะนั้นถ้าอยากให้ที่เหลืออีก 20,000 วันได้ใช้ชีวิตอย่าเต็มที่ ให้ลองเปลี่ยนท่านอนให้เหมาะสม เพราะการนอนหลับมีผลต่อการทำงานของสมองมาก แล้วท่าไหนดีละ ไปดูกันเลย
1. นอนหงายดีที่สุด
ท่านอนหงายเป็นท่าที่ทำให้กระดูกสันหลังอยู่ในแนวธรรมชาติ ลดแรงกดทับบนร่างกายและระบบประสาท ทำให้ร่างกายได้รับการพักผ่อนเต็มที่ ระบบทางเดินหายใจและการไหลเวียนโลหิตสามารถไหลเวียนได้ดี แต่อย่างไรก็ตามคะ ท่านอนหง่ายนี้ไม่เหมาะกับคนที่เป็นโรคกรดไหลย้อนคะ เพราะจะเป็นการเพิ่มแรงดันในช่องท้องให้เกิดอาการรุนแรงขึ้นได้
2. รองมาคือนอนตะแคง
ใครที่บอกว่า " ไม่ถนัดนอนหงายเลย ยังไงก็นอนไม่สบายเท่านอนตะแคง " เอางั้นก็ได้คะ แต่พยายามให้นอนตะแคงซ้ายมากกว่าตะแคงขวา เพราะการนอนตะแคงซ้ายจะทำให้แรงกดทับบนหัวใจและกระดูกสันหลังน้อยกว่า และข้อดีของการนอนตะแคงซ้ายอีกอย่างคือช่วยทำให้หายใจสะดวก ซึ่งเหมาะกับคนที่ชอบนอนกรนคร่อกๆคะ
3. นอนคว่ำ ท่านี้ที่ควรหลีกเลี่ยง
การนอนคว่ำจะทำให้อวัยวะภายในอย่างตับไตไส้พุงถูกกดทับทั้งคืนคะ โดยฉะเพราะเรื่องทางเดินระบบหายใจจะแย่มากๆ แต่ถ้าคิดว่าชีวิตนี้เลิกนอนคว่ำไม่ได้จริงๆละก็ให้หาหมอนมารองใต้สะโพกคะ เพื่อลดแรงกดทับที่หลังส่วนด้านล่างคะ
ในชีวิตของคนเรา ตัวเลข 30,000 คือจำนวนวันโดยเฉลี่ยที่เรามีชีวิตอยู่บโลกนี้ 10,000 คือจำนวนวันที่เราใช้ไปกับการนอนหลับ เพราะฉะนั้นถ้าอยากให้ที่เหลืออีก 20,000 วันได้ใช้ชีวิตอย่าเต็มที่ ให้ลองเปลี่ยนท่านอนให้เหมาะสม เพราะการนอนหลับมีผลต่อการทำงานของสมองมาก แล้วท่าไหนดีละ ไปดูกันเลย
1. นอนหงายดีที่สุด
ท่านอนหงายเป็นท่าที่ทำให้กระดูกสันหลังอยู่ในแนวธรรมชาติ ลดแรงกดทับบนร่างกายและระบบประสาท ทำให้ร่างกายได้รับการพักผ่อนเต็มที่ ระบบทางเดินหายใจและการไหลเวียนโลหิตสามารถไหลเวียนได้ดี แต่อย่างไรก็ตามคะ ท่านอนหง่ายนี้ไม่เหมาะกับคนที่เป็นโรคกรดไหลย้อนคะ เพราะจะเป็นการเพิ่มแรงดันในช่องท้องให้เกิดอาการรุนแรงขึ้นได้
2. รองมาคือนอนตะแคง
ใครที่บอกว่า " ไม่ถนัดนอนหงายเลย ยังไงก็นอนไม่สบายเท่านอนตะแคง " เอางั้นก็ได้คะ แต่พยายามให้นอนตะแคงซ้ายมากกว่าตะแคงขวา เพราะการนอนตะแคงซ้ายจะทำให้แรงกดทับบนหัวใจและกระดูกสันหลังน้อยกว่า และข้อดีของการนอนตะแคงซ้ายอีกอย่างคือช่วยทำให้หายใจสะดวก ซึ่งเหมาะกับคนที่ชอบนอนกรนคร่อกๆคะ
3. นอนคว่ำ ท่านี้ที่ควรหลีกเลี่ยง
การนอนคว่ำจะทำให้อวัยวะภายในอย่างตับไตไส้พุงถูกกดทับทั้งคืนคะ โดยฉะเพราะเรื่องทางเดินระบบหายใจจะแย่มากๆ แต่ถ้าคิดว่าชีวิตนี้เลิกนอนคว่ำไม่ได้จริงๆละก็ให้หาหมอนมารองใต้สะโพกคะ เพื่อลดแรงกดทับที่หลังส่วนด้านล่างคะ
ส่วนใครที่ปัญหาเรื่องนอนกรน อย่าคิดเชี่ยวน่ะคะว่าการนอนกรนหายใจฟืดฟาดไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เพราะมันอาจทำให้คู่รักเตียงหักได้เลยทีเดียว ซึ่งเราก็มีวิธีแนะนำเพื่อช่วยแก้อาการดังนี้คะ
1. เปลี่ยนท่านอน ท่านอนหงายจะทำให้เรานอนกรนง่ายที่สุด ให้เปลี่ยนไปนอนตะแคงดีกว่า
2. เลือกหมอนที่สูงพอดี อย่านอนบนหมอนที่ต่ำเกินไปหรือสูงเกินไป เพราะจะทำให้หายใจไม่สะดวก ให้เลือกหมอนที่มีส่วนโค้งรับกับต้นคอไว้จะดีกว่าคะ
3. ลดน้ำหนัก คนอ้วนมักจะนอนกรนมากกว่าคนผอม เพราะฉะนั้นแค่ลดน้ำลงสัก 10 % ของที่มีอยู่ ก็ช่วยเรื่องการกรนได้แล้วละคะ
4. งดแอลกอฮอล์หรือยากล่อมประสาทก่อนนอน เพราะจะทำให้หายใจไม่สะดวก ลองงดพวกนี้ก่อนนอน จะทำให้กรนน้อยลงได้คะ
5. ทำให้จมูกโล่งก่อนนอน การเป็นหวัดคัดจมูกหรือมีน้ำมูกก็เป็นสาเหตุของการนอนกรนได้คะ ซึ่งอาจแก้ได้โดยการเตรียมน้ำร้อนก่อนนอนให้เต็มอ่าง หยดยูคาลิปตัสลงไป แล้วชะโงกหน้าเอาผ้าคลุมศีรษะไว้ ไอน้ำจะช่วยทำให้จมูกโล่งขึ้นคะ
1. เปลี่ยนท่านอน ท่านอนหงายจะทำให้เรานอนกรนง่ายที่สุด ให้เปลี่ยนไปนอนตะแคงดีกว่า
2. เลือกหมอนที่สูงพอดี อย่านอนบนหมอนที่ต่ำเกินไปหรือสูงเกินไป เพราะจะทำให้หายใจไม่สะดวก ให้เลือกหมอนที่มีส่วนโค้งรับกับต้นคอไว้จะดีกว่าคะ
3. ลดน้ำหนัก คนอ้วนมักจะนอนกรนมากกว่าคนผอม เพราะฉะนั้นแค่ลดน้ำลงสัก 10 % ของที่มีอยู่ ก็ช่วยเรื่องการกรนได้แล้วละคะ
4. งดแอลกอฮอล์หรือยากล่อมประสาทก่อนนอน เพราะจะทำให้หายใจไม่สะดวก ลองงดพวกนี้ก่อนนอน จะทำให้กรนน้อยลงได้คะ
5. ทำให้จมูกโล่งก่อนนอน การเป็นหวัดคัดจมูกหรือมีน้ำมูกก็เป็นสาเหตุของการนอนกรนได้คะ ซึ่งอาจแก้ได้โดยการเตรียมน้ำร้อนก่อนนอนให้เต็มอ่าง หยดยูคาลิปตัสลงไป แล้วชะโงกหน้าเอาผ้าคลุมศีรษะไว้ ไอน้ำจะช่วยทำให้จมูกโล่งขึ้นคะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น